สิ่งสำคัญในการเล่น ไพ่ BlackJack ผมบอกเลยว่าดวงแทบไม่ช่วยอะไรเลย หากว่าทักษะพื้นฐานของเราต่ำเตี้ยเรี่ยดินชนิดที่ว่ากติกาพื้นฐานก็ยังไม่รู้ แล้วยิ่งใครที่จู่ๆ เข้าไปเล่นแบบรู้แค่แต้มแบบงูๆ ปลาๆ แต่ว่าไม่มีเทคนิคหรือลูกไม้อะไร สุดท้ายก็เป็นได้แค่หมูในอวยที่เข้าไปรอให้เขากินโต๊ะแค่นั้นแหละครับ ส่วนใครที่ไม่อยากมีชะตากรรมเช่นนั้นบน คาสิโนออนไลน์ แล้วล่ะก็ รีบอ่านบทความจากเว็บ TS911 คาสิโนออนไลน์อันดับ 1 แล้วจะรู้ว่า แบล็คแจ็ค นั้นมันมีอะไรที่จำเป็นมากกว่าดวง
BlackJack นับแต้มอย่างไร ตอนไหนถึงจะแยกไพ่
สำหรับการนับแต้มไพ่ แบล็คแจ็ค จะต่างจากพวกไพ่อื่นๆ ที่ใช้แค่หลักหน่วยเป็นตัวชี้ขาด สิ่งสำคัญในการวัดว่าใครแพ้หรือชนะคือแต้มรวมของไพ่ทั้งหมดในมือ ผู้ชนะคือคนที่รวมแต้มแล้วได้ 21 แต้มหรือใกล้เคียงที่สุด ส่วนคนที่ได้แต้มน้อยกว่าหรือว่ารวมแต้มแล้วเกิน 21 แต้มก็จะเป็นผู้แพ้ทันที ว่าแล้วเรามาดูแต้มไพ่กันดีกว่าครับว่าไพ่แต่ละใบมันมีกี่แต้ม จะได้ไม่พลาดกัน
- ไพ่ A (Ace) เป็นไพ่เดียวที่มีสองค่าแล้วแต่ว่าจะไปอยู่กับไพ่ใบไหน หากไปอยู่ร่วมกับไพ่ 10, J, Q หรือ K ก็จะทำให้มีค่าเป็น 11 แต้ม และทำให้ติด แบล็คแจ็ค ทันที แต่ถ้าไปอยู่กับพวกไพ่หน้าแต้ม 2-9 ไม่ว่าจะดอกไหนก็มีค่าแค่ 1 แต้มเท่านั้น
- ไพ่หน้าแต้ม 2-9 เป็นกลุ่มไพ่ที่มีค่าเท่ากับหมายเลขหน้าแต้ม
- ไพ่หน้า 10, J, Q และ K ทั้งสี่ใบนี้จะมีค่าเท่ากันคือ 10 แต้ม
ส่วนการแยกไพ่จะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้เล่นติดไพ่คู่ในช่วงสองใบแรก ได้แก่ AA หรือ 88 ซึ่งใน คาสิโนออนไลน์ ผู้เล่นจะถูกบังคับให้แยกไพ่อัตโนมัติ พร้อมกับบังคับให้วางเดิมพันเพิ่มตามขาที่แยก เพื่อที่จะได้เล่นไพ่ 2 ขาไปพร้อมกัน แต่ถ้าเงินไม่พอให้วางเดิมพัน ระบบก็จะบังคับให้หมอบหรือยอมแพ้นั่นเอง
หลังจากที่แยกไพ่แล้ว หากผู้เล่นได้ไพ่คู่ AA จะได้รับสิทธิ์เรียกไพ่เพิ่มอีกขาละ 1 ใบ แต่ถ้าได้ไพ่คู่ 88 ก็จะสามารถเรียกไพ่ได้ไม่จำกัดจนกว่าเราจะพอใจในแต้มที่คิดว่าใกล้เคียง 21 แต้มแล้ว ในกรณีที่ได้ไพ่คู่อื่น ผู้เล่นจะเลือกอยู่นิ่งก็ได้หากพอใจกับแต้มที่ได้ หรือจะเรียกไพ่เพิ่มก็ได้เช่นกัน
กติกาในการเล่น แบล็คแจ็ค บน คาสิโนออนไลน์
โดยทั่วไปแล้วกติกาในการเล่น BlackJack จะใช้พื้นฐานเดียวกันไม่ว่าจะเป็นการเล่นตามบ่อนคาสิโน วงไพ่ในบ้าน หรือว่า คาสิโนออนไลน์ เพียงแต่อย่างหลังอาจมีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วแต่เจ้ามือ ดังนั้นก่อนเล่นควรจะศึกษากติกาตรงนี้ให้ดีให้เข้าใจเสียก่อน จะได้ไม่ต้องมาโวยวายกันทีหลังว่าโดนโกง สำหรับกติกาพื้นฐานที่ใช้กันเป็นมาตรฐานสากลก็มีดังนี้
- ผู้เล่นแต่ละคนจะต้องจั่วไพ่เพิ่มแล้วรวมแต้มไพ่ในมือให้ได้ใกล้เคียงหรือเท่ากับ 21 แต้มให้มากที่สุด
- หากผู้เล่นจั่วไพ่แล้วรวมแต้มออกมาเกิน 21 แต้ม จะถือว่าแพ้ในเกมนั้นทันที โดยไม่สนว่าเจ้ามือจะมีแต้มมากน้อยแค่ไหน เพราะกฎเหล็กของเกมนี้คือ “อย่าให้เกิน 21 แต้ม”
- ในกรณีที่เจ้ามือรวมแต้มไพ่แล้วได้น้อยกว่า 17 แต้ม จะถูกบังคับให้จั่วไพ่เพิ่มเรื่อย ๆ และจะหยุดจั่วได้ก็ต่อเมื่อแต้มรวมของไพ่อยู่ระหว่าง 17 ถึง 21 แต้มเท่านั้น
- ฝั่งผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะจั่วไพ่หรือไม่ก็ได้ และไม่จำกัดจำนวนครั้งในการจั่ว และไม่สนใจด้วยว่าในมือผู้เล่นจะรวมไพ่แล้วได้กี่แต้ม
- หากผู้เล่นไม่ทำการจั่วไพ่ในเวลาที่กำหนด ระบบจะถือว่าเรา อยู่ โดยอัตโนมัติ
เทคนิคพื้นฐานที่ต้องรู้ในการเล่น ไพ่ BlackJack
แม้ว่า แบล็คแจ็ค เป็นเกมไพ่ที่แทบจะไม่ต้องใช้ดวง และเน้นไปที่ทักษะฝีมือและประสบการณ์ของผู้เล่นเป็นหลัก ถึงอย่างนั้นสำหรับผู้เล่นมือใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่วงการก็สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ในการเล่นได้เช่นกันครับ
- เมื่อใดก็ตามที่ไพ่ใบแรกของเจ้ามือออก A เราควรจะรีบเดิมพันประกันไพ่ทุกครั้ง เพราะจากสถิติแล้วมีโอกาสที่เจ้ามือจะติดไพ่ แบล็คแจ็ค สูงมาก เราเลยต้องทำไว้เพื่อได้คืน แม้ว่าจะมีบางครั้งที่เจ้ามือไม่ติด แบล็คแจ็ค และเราต้องเสียเงินเปล่าก็ตาม
- ในกรณีที่ได้ไพ่คู่สูงอย่าง AA, KK, QQ, JJ, 1010 และ 88 ถ้า คาสิโนออนไลน์ เปิดให้เราแยกไพ่ได้ทุกคู่ก็จัดเลย เพื่อเพิ่มโอกาสชนะ แต่สำหรับบางเว็บอาจจำกัดให้แยกได้แค่คู่ AA กับ 88 ถึงอย่างนั้นมันก็ยังควรแยกอยู่ดี ที่สำคัญอย่าลืมดูเงินในกระเป๋าด้วย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นดวงซวยเพราะโดนบังคับให้หมอบเพียงแค่เงินไม่พอให้เล่นสองขา
- การจั่วไพ่ควรทำด้วยความระมัดระวัง ควรดูด้วยว่าแต้มรวมของไพ่ในมือเราอยู่ประมาณไหน หากรวมแล้วได้ไม่เกิน 11 แต้มก็น่าจั่วเพิ่มอยู่ แต่ถ้าได้สัก 12 หรือ 13 การอยู่จะเป็นทางเลือกที่ดี เพราะถ้าจั่วเพิ่มมันก็มีความเสี่ยงที่แต้มรวมจะทะลุ 21 แต้ม แทนที่จะชนะก็กลายเป็นแพ้เฉยเลย จำไว้ว่าตราบใดที่เจ้ามือไม่ได้ แบล็คแจ็ค เราก็ยังมีโอกาสชนะเสมอ
คำศัพท์ Blackjack และความหมาย
- Blackjack คือ การแจกไพ่ 2 ใบแรกแล้วได้คะแนน 21 แต้ม
- Hit คือ (สู้) การเรียกไพ่เพิ่ม
- Stand คือ (หยุด) ไม่จั่วไพ่เพิ่ม พอใจคะแนนของไพ่แล้ว (Stay, Stick, Stand pat)
- Double down คือ ลงเดิมพันเพิ่ม 100% (ใช้เมื่อตอนแจกไพ่ 2 ใบ)
- Split คือ (กรณีแจก 2 ใบแรกเป็นไพ่คู่) เรียกไพ่เพิ่มอีกชุด ซึ่งเจ้ามือจะถาม Split ? หากต้องการจะสามารถเล่นได้ 2 ชุดในตานั้น
- Surrender (ใช้ในกรณีแจก 2 ใบแรก) ประกันเงินทุนครึ่งเดียว โดยการกดเพื่อยอมแพ้ จะได้เงินรางวัลคืนครึ่งนึง
- Insurance (ใช้ในกรณีแจก 2 ใบแรก) เมื่อไพ่ใบแรกของเจ้ามือคือ A (มีสิทธิ์ชนะสูง) สามารถเลือกเพิ่มเงินสู้ได้ครึ่งหนึ่งของเงินเดิมพัน โดยหากเจ้ามือชนะได้ แบล็กแจ็ค ผู้เล่นจะได้เงินตรงนี้ที่ทำ Insurance แต่หากเจ้ามือแพ้ก็จะริบเงินตรงนี้ไป
- Even Money เมื่อผู้เล่นได้ไพ่ แบล็กแจ๊ค สามารถเลือก “เก็บก่อน” ซึ่งจะทำให้ท่านชนะด้วยอัตราจ่าย 1:1 แต่ หากไม่เลือก เก็บก่อน และต้องการลุ้นไพ่เจ้ามือ ถ้าเจ้ามือได้ แบล็กแจ๊ค ก็ถือว่าเสมอ แต่ถ้าเจ้ามือแพ้จะได้ราคาจ่าย 2:3
รูปแบบการวางเงินเดิมพัน
จุดเด่นของเกม ไพ่ BlackJack ออนไลน์ ที่ทำให้นักพนันรู้สึกเร้าใจ และทำเงินได้ง่าย ก็คือรูปแบบการวางเดิมพันของแบล็คแจ็คนี่แหละ
ซึ่งนอกเหนือจากเดิมพันแบบปกติ (Regular bet) ที่มีอัตราการจ่าย 1:1 นักพนันแบล็คแจ็คมืออาชีพหลายคน มักจะใช้รูปแบบพวกนี้ในการทำเงินด้วย
Behind Bet
ผู้เล่นสามารถวางเงินเดิมพันที่ช่องด้านหลังของผู้เล่นคนอื่นได้ เห็นใครมือขึ้น หรือรู้สึกถูกโฉลกใคร ก็วางเงินเดิมพันที่ด้านหลัง และยกให้เค้าตัดสินใจแทนได้เลยนั่นเอง
Perfect Pair
เมื่อไพ่ 2 ใบแรกที่ผู้เล่นได้รับ เป็นไพ่คู่กัน ซึ่งมันน่าสนใจตรงที่แบล็คแจ็คมีอัตราการคูณให้กับไพ่คู่ทั้ง 3 รูปแบบ คือ
- ไพ่คู่ผสม (Mixed Pairs) อัตราจ่าย 6:1 – ไพ่ที่มีค่าเท่ากัน แต่ไม่นับดอก เช่น ไพ่ Q โพดำ – Qเอซ, ไพ่ 10 ข้าวหลามตัด – 10 โพแดง เป็นต้น
- ไพ่คู่สีเหมือนกัน (Colored Pairs) อัตราจ่าย 12:1 – ไพ่ที่มีค่าเท่ากัน มีสีของดอกเหมือนกัน โดยไม่จำเป็นต้องดอกเหมือนกัน เช่น ไพ่ 9 ข้าวหลามตัด – 9 โพแดง, ไพ่ J โพดำ – J ดอกจิก
- ไพ่คู่เพอร์เฟค (Perfect Pairs) อัตราจ่าย 25:1 – ไพ่ที่มีทั้งค่าและดอกตรงกัน 2 ใบ
21+3
เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการเดิมพัน ที่ทำเงินให้นักพนันแบล็คแจ็คออนไลน์ได้ไวมาก ซึ่ง 21+3 คือ เดิมพันว่าไพ่ 2 ใบของเรา และ 1 ใบแรกของดีลเลอร์ เรียงกัน โดยแบ่งเป็น 5 แบบ คือ
- Suited Trips อัตราจ่าย 100:1 – ได้ไพ่เดียวกันทั้ง 3 ใบ มีทั้งดอกและเลขเหมือนกัน
- Straight Flush อัตราจ่าย 40:1 – ไพ่เรียงกัน 3 ใบ โดยมีดอกเหมือนกัน
- Three of a kind อัตราจ่าย 30:1 – ได้ไพ่ตอง หรือเลขเดียวกัน 3 ใบ (แต่ไม่นับดอก)
- Straight อัตราจ่าย 10:1 – ไพ่ 3 ใบ เป็นแต้มเรียงกัน แต่ดอกไม่เหมือนกัน
- Flush อัตราจ่าย 5:1 – ไพ่ทั้ง 3 ใบ ได้ดอกเหมือนกัน แต่เลขไม่เหมือนกัน
นอกจากเทคนิคหรือวิธีการเล่นเกมไพ่คาสิโนสดที่เหมือนกับแบล็คแจ็คอย่าง ไพ่บาคาร่า หรือวิธีเล่นเสือมังกร ทุกท่านยังสามารถติดตามสูตรและวิธีการเล่นรูเล็ต หรือไฮโล เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะเจ้ามือได้จริง
แบล็คแจ็คออนไลน์เป็นเกมไพ่ที่ยิ่งเล่นก็จะยิ่งรู้สึกสนุก โดยเฉพาะถ้ารู้จักศึกษาเทคนิค หรือสูตรการเล่นแบล็คแจ็ค แต่จะเล่นให้สนุกที่สุดก็ต้องเลือกเล่นกับผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งเข้าไปติดตามดูรายละเอียดทั้งข้อเสนอโบนัส และตัวเลือกห้องคาสิโนแบล็คแจ็คเว็บไหนดีที่สุดได้ที่ รีวิวเว็บ ทางเข้า TS911 คาสิโนออนไลน์ จากทีมงานเรา